วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

Main Idea

  1. The private enterprise system is place system people are free to produce, buy and sell and start a new enterprise-business. 
  2. The market is place exchange of goods and services by buyers and sellers.
  3. The market determines the price of products by investigate cost production and demand of consumers.
  4. A supermarket has a supply the equilibrium price for manager a problem of tomatoes has multitude.
  5. The Organization of the Petroleum Exporting Countries  stopped sending oil to Western nations, so there was a shortage of gas and oil in many so countries looked for ways to use less gas and oil.

การใช้ Dictionary

การใช้ Dictionary



















การ ใช้ Dictionary ง่าย ๆนะคะเราต้องรู้จักส่วนประกอบของ Dictionaryกันก่อนนะ ว่ามีกี่ส่วนประกอบ
คำตอบง่ายๆ มี 7 ส่วน ประกอบนั้นเอง
1. Headword is the first word of an entry in a dictionary. It is listed alphabetically. Headword คือ คำที่เราต้องการค้นหา หรือคำแรกที่ขึ้นต้นในหน้าที่เรากำลังค้นหานั้นเอง
2. Part of speech deseribes the function of the word, for example; noun, verb, adjective of adverb. Part of speech คือ ส่วนประกอบของคำในภาษาอังกฤษ เช่น คำนาม คำสรรพนาม กริยา กริยาวิเศษ ถ้าเราเปิดดูคำศัพท์เราก็จะรู้ว่าคำนั้น เป็นคำอะไร แล้วส่วนประกอบของคำเป็นอย่างไร
3. Pronunciation describes the way in which a word is pronounced. Pronunciation ก็คือการออกเสียง เวลาเราดู Dictionary เราสามารถดูได้ว่าคำนี้สามารถออกเสียงได้อย่างไร
4. Meaning informs a word or words mean including American and British English. Meaning informs คือ ความหมายของคำศัพท์ ว่าความหมายคืออะไร มีกี่ความหมาย คำศัพท์บางตัว มีหลายความหมายนะคะ นักศึกษาควรจำไว้
5. Sample sentence shows how to use a word in a sentence. Sample sentence คือ ตัวอย่างประโยคที่แสดงให้ดู
6. Idiom describes an expression whose meaning is different from the meaning of the individual words. Idiom describes คือสำนวนที่แสดงให้ดูว่าคำศัพท์นั้นสามารถนำมาสร้างเป็น สำนวนได้หรือไม่
7. Phrasal verb describes a verb that is formed from two or more words: a verb and a preposition such as go on, sit up, take off. Phrasal verb คือ วลี ที่สามารถนำมาสร้างเป็นคำได้ เช่น sit up, take off.

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

context clue reading


 free enterprise system แปลว่า The economic system of countries such as Japan, Canada, Germany, and the United States เพราะ ข้อความหลัง is คือความหมายหรือนิยามของ free enterprise system 

market แปลว่า -the exchange of goods and services by buyers and sellers. เพราะ เครื่องหมาย - เป็นตัวชี้นำ ซึ่งหลัง - คือนิยามหรือความหมายของ market 

demand แปลว่า For example, how many tomatoes will consumers buy at various  prices? เพราะ For example เป็นตัวชี้นำ และหน้า demand มีคำว่า This is

law of demand แปลว่า states that consumers (buyers) usually buy more of a product at a lower price เพราะ หลังคำว่า states เป็นตัวบ่งบอกความต้องการกฎหมาย

consumers แปลว่า (buyers) usually buy more of a product at a lower price เพราะ เครื่องหมาย ( ) เป็นตัวบ่งบอกความหมายของคำที่อยู่หน้าเครื่องหมาย ( )


supply แปลว่า How many tomatoes will the sellers product at various prices? เพราะ ข้อความหลัง This is คือความหมายหรือนิยามของ supply

law of supply แปลว่า states that producers usually supply more of a product at a higher price เพราะ หลังคำว่า states เป็นตัวขยายข้อความของ law of supply

equilibrium price แปลว่า -so she lowers the price to $1.09 a pound. At this low price, customers soon buy all 500 pounds เพราะ ข้อความหลัง This is คือความหมายหรือนิยามของ equilibrium price

(OPEC) แปลว่า Organization of the Petroleum Exporting Countries เพราะ เครื่องหมาย ( ) เป็นตัวบ่งบอกความหมายของคำที่อยู่หน้าเครื่องหมาย ( )

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

Context Clues

การเดาความหมายโดยใช้บริบท (Context clues)

    เมื่ออ่านเรื่องหรือข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษ สิ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจคือคำศัพท์ เพื่อจะได้ทราบความหมายของคำศัพท์นักเรียนจะเปิดพจนานุกรม(Dictionary) วิธีการนี้ช่วยนักเรียนได้ก็จริงแต่ทำให้นักเรียนเสียเวลามาก การอ่านหยุดชะงักไม่ต่อเนื่อง มีวิธีการอื่นที่ทำให้นักเรียนทราบความหมายของคำศัพท์ คำใหม่หรือคำที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรมคือ การเดาความหมายของศัพท์จากบริบท(Context)
     บริบท (Context clue) หมายถึง คำหรือข้อความที่อยู่แวดล้อมคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมายโดยตรงของคำนั้นหรืออาจใช้ข้อมูลบางอย่างที่ช่วยให้นักเรียนทราบความหมายคำศัพท์ได้
     การเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท มีดังนี้
1. เดาจากการนิยามศัพท์หรือบอกความหมาย โดยการดูที่ตัวชี้นำ (Clue) ที่มีในประโยค ดังนี้
                        is / are                          คือ
                        mean                            หมายถึง
                        is called / are called        เรียกว่า
ตัวอย่างประโยค เช่น
A ship means a big boat.
ตัวชี้นำ                                คือ                   means
ข้อความหลังคำว่า means        คือ                  นิยามหรือความหมายของคำว่า ship
a big boat                           คือ                   นิยามหรือความหมายของ ship
สรุปว่า ship                          คือ                   เรือใหญ่

A puppy is a baby dog.
ตัวชี้นำ                           คือ       is
ข้อความหลังคำว่า is         คือ       นิยามหรือความหมายของคำว่า puppy
a baby dog                    คือ       นิยามหรือความหมายของ puppy
สรุปว่า puppy                 คือ       ลูกสุนัข

A motion picture is called a movie.
ตัวชี้นำ                                คือ         is called
ข้อความหลังคำว่า means       คือ         นิยามหรือความหมายของคำว่า movie
a big boat                           คือ         นิยามหรือความหมายของ movie
สรุปว่า movie                       คือ         ภาพที่เคลื่อนไหว หรือภาพยนตร์นั่นเอง

2. เดาจากการแสดงความขัดแย้ง โดยจะมีคำที่ให้ความหมายตรงข้ามกับคำที่เราไม่ทราบความหมายซึ่งอาจจะอยู่ในประโยคเดียวกันหรือถัดมา ตัวชี้นำ (Clue)นั้นคือ
but         แต่
ตัวอย่างประโยคเช่น
My father is very busy, but my mother is free.
คำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมาย         คือ      busy
ตัวชี้นำ                                     คือ      but
คำที่บอกความหมายตรงข้าม                   free
free       มีความหมายว่า       ว่าง
busy      มีความหมายว่า       ไม่ว่าง หรือยุ่ง
ดังนั้น My father is very busy, but my mother is free.
คือ     พ่อของฉันยุ่งมากแต่แม่ของฉันว่าง

3. เดาจากการกล่าวซ้ำ โดยใช้ภาษาง่าย ๆ โดยกล่าวซ้ำภายในประโยคเดียวกันแต่ใช้ถ้อยคำที่ต่างกัน ซึ่งตัวชี้นำ (Clue) ความหมาย คือ
Or             หรือ
ตัวอย่างประโยคเช่น
Judy feeds, or gives food to her pigs very day.
คำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมาย      คือ    feed
ตัวชี้นำ                                  คือ    or
กล่าวซ้ำความหมายด้วย        gives food
gives food       หมายความว่า       ให้อาหาร
ดังนั้น feed       มีหมายความว่า      ให้อาหาร

4. เดาจากการใช้ตัวอย่าง โดยการให้ตัวอย่างเป็นข้อมูลช่วยในการวิเคราะห์ความหมายคำศัพท์ซึ่งตัวชี้นำ (Clue) ความหมาย คือ
such as                    เช่น
for example             ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างประโยคเช่น
Students study many subjects; for example, Math, Science, Art and English.
คำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย        คือ        subject
ตัวชี้นำ                               คือ        for example
ตัวอย่างที่ให้มา                    คือ        Math, Science, Art and English.
ตัวอย่างที่ยกมา                    คือ        วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะและภาษาอังกฤษ
ดังนั้นสรุปได้ว่า subject         คือ        วิชา

5. เดาจากการแสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุผล ถ้าคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมายอยู่ในส่วนที่เป็นเหตุให้พิจารณาที่ข้อความที่เป็นผล และถ้าคำศัพท์อยู่ในส่วนที่เป็นผลให้พิจารณาข้อความที่เป็นเหตุ ตัวชี้นำ (Clue) ความหมายคือ
so               ดังนั้น
because       เพราะว่า
ตัวอย่างประโยคเช่น
He wants to buy some medicine so he go to the drugstore.
คำที่ไม่รู้ความหมาย     คือ drugstore ในประโยคผล
ตัวชี้นำ                     so
พิจารณาข้อความในประโยคเหตุ        He wants to buy some medicine
ได้ความว่า          เขาต้องการซื้อยา
สรุปว่า drugstore  หมายถึงร้ายขายยา เพราะสถานที่สามารถซื้อยาคือร้านขายยา

Peter can answer the question because it is easy.
คำที่ไม่รู้ความหมาย    คือ     easyในประโยคเหตุ
ตัวชี้นำ     because
พิจารณาข้อความในประโยคเหตุ Peter can answer the question
ได้ความว่า ปีเตอร์สามารถตอบคำถามได้
สรุปว่า easy หมายถึง คำถามง่ายจึงทำให้ปีเตอร์สามารถตอบได้

6. เดาจากประโยคที่กล่าวมาก่อนหรือตามหลัง
ตัวอย่างประโยคเช่น
Lisa’s brother is lazy.
ถ้านักเรียนไม่ทราบความหมายของคำว่า lazy นักเรียนเดาความหมายไม่ได้แต่
ถ้ามีประโยคเพิ่มขึ้นว่า Lisa’s brother is lazy. He doesn’t work. He likes to sit,
watches TV and sleep.
ข้อความหลังคำศัพท์ lazy อธิบายว่าน้องลิซ่าไม่ชอบทำงานชอบนั่งเฉยๆ ดูทีวี
และนอนหลับ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ทำให้ทราบว่า lazy คือ ขี้เกียจ

7. เดาโดยอาศัยคำแสดงความหมายเหมือน(Synonym) คำที่มีความหมายเหมือนกับ
คำศัพท์ที่อยู่ในประโยคนั้น ๆ เช่น ตัวชี้นำ (Clue) ที่ให้ความหมายเช่น
too                ด้วยเหมือนกัน
also               แล้วก็
and               และ
ตัวอย่างประโยคเช่น
That boy was poor, and that girl was not have money too.
คำที่ไม่รู้ความหมาย poor
ตัวชี้นำ and that girl was not have money too.
พิจารณาจากประโยคว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเงินเหมือนกัน
ได้ความว่า ผู้ชายคนนั้นไม่มีเงิน
สรุปว่า poor มีความหมายว่า ไม่มีเงินหรือจนนั่นเอง

8. เดาโดยอาศัยคำตรงข้าม (Antonym) กล่าวคือ บริบทประเภทนี้จะมีคำชี้แนะ(Clue)
but
rather than
in contrast
nevertheless
however
ตัวอย่างประโยคเช่น
The policeman caught two suspects , but they released them two hours later.
คำที่ไม่รู้ความหมาย   caught
ตัวชี้นำ      but they released them two hours later.
พิจารณาจากประโยคว่า     แต่ถูกปล่อยตัวไปเมื่อ 2 ชั่วโมงต่อมา
ได้ความได้ว่า     มีการกระทำที่ตรงข้ามกับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา
สรุปว่า caught   มีความหมายตรงข้ามกัน นั่นคือแปลว่า ถูกจับ

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

Quiz 1

อาจารย์ค่ะ อย่าหักคะแนนหนูนะค่ะ หนูพึ่งบันทึกได้ค่ะ
1.circumscribe =ประพันธ์ รอบด้าน
circum- แปลว่า around = รอบด้าน,โดยรอบ
scribe แปลว่า to write = เขียน,ประพันธ์
2.benediction= พูดถูกดี
Bene- แปลว่า good = ดี
Dict แปลว่า speak = พูด
-ion แปลว่า being = ถูก
3.bibliography = ลักษณะการเขียนหนังสือ
biblio แปลว่า book = หนังสือ
graph- แปลว่า write = เขียน
- y แปลว่า quality= ลักษณะ
5. Heterogeneousb = ลักษณะพิเศษของเชื้อชาติอื่นๆ
hetero-แปลว่า other = อื่นๆ
gen แปลว่า race = เชื้อชาติ
-ous = characterized by =ลักษณะพิเศษ
7. Megabyte=ขนาดของข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
Mega- แปลว่า great = ขนาดใหญ่
Byte แปลว่า = ขนาดของข้อมูลบนคอมพิวเตอร์
8. Phonograph= การเขียนแสดงความคิดเห็น
Phon- แปลว่า voice = แสดงความคิดเห็น
Graph แลว่า write =เขีย
9. Portable=ความชำนาญของบุคคลทำกำแพง
Port แปลว่า gate = กำแพง
-Able แปลว่า capable of being = ความชำนาญของบุคคล
10. Supernatural=เหนือธรรมชาติ
Super – แปลว่า over =เหนือ
Natural แปลว่า natural = ธรรมชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

Root and Affixes

สรุป
Prefixes, Suffixes & Roots 
       การเรียนศัพท์จากการวิเคราะห์คำ(word analysis)นั้นเป็นการเรียนศัพท์ที่ถูกต้องทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถจำ ศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำได้เป็นอย่างดี       นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจคำศัพท์ใหม่ได้ไม่ยากนัก เพราะผู้เรียนเข้าใจถึง รากคำ (root)อุปสรรค(prefixes) และปัจจัย(suffixes) ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในภาษาอังกฤษแล้ว เมื่อเจอศัพท์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนก็จะสามารถเข้าถึงความหมายของศัพท์นั้น ได้ขอแนะนำการเรียนศัพท์ที่ถูกต้องโดยใช้หลักการวิเคราะห์คำ ก่อนอื่นมารู้จักคำว่าหน่วยคำกันเสียก่อน

หน่วยคำ (Word Parts) คือคำหรือส่วนของคำที่เล็กที่สุดแต่มีความหมาย ในคำ ๆ หนึ่งอาจมีได้มากกว่าหนึ่งหน่วยคำ หน่วยคำมี 3 ประเภทใหญ่ดังนี้
Prefixes (อุปสรรค)คือ ส่วนของคำที่อยู่หน้าคำบ่งบอกความหมายของคำ
Suffixes (ปัจจัย) คือ ส่วนของคำที่อยู่ท้ายคำบ่งบอกความหมายและหน้าที่ของคำ
Root (รากคำ) คือ ส่วนที่เป็นความหมายหลักของคำ อาจอยู่ที่ตำแหน่งใดของคำก็ได้

1. อุปสรรค (prefix)
    อุปสรรค (Prefix) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของความหมายในภาษา และ ไม่สามารถอยู่ลำพังได้ เป็นส่วนที่เติมหน้ารากศัพท์ (root or stem) เพื่อเพิ่มหรือเปลี่ยนความหมายของรากศัพท์นั้น โดยจะไม่เปลี่ยนหน้าที่ของรากศัพท์ ดังนั้นคำที่เกิดขึ้นใหม่ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เหมือนเดิมแต่มีความหมายเพิ่ม เติมหรือเปลี่ยนไป เช่น
- เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม
- เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ดีขึ้น แย่ลง
หรืออาจจะเติมหน้ารากศัพท์เพื่อ บอกทัศนคติ ตำแหน่งที่ตั้ง ลำดับที่ จำนวน

อุปสรรคที่สำคัญมีดังนี้
1. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายในเชิงปฏิเสธ "No" หรือ "Not" เช่น
อุปสรรค.... ความหมาย.... ตัวอย่างคำ
un................ not............ unfair
in................. not............ inconvenient
im................ not............ impossible

2. อุปสรรค (Prefixes) สถานที่ ตำแหน่ง (Placement) เช่น
อุปสรรค.... ความหมาย.... ตัวอย่างคำ
inter......... among....... international
ex................out........... exclude
sub............ under........subtitle

3. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเวลา (Time) เช่น
อุปสรรค.... ความหมาย.... ตัวอย่างคำ
pre............... first......... pre-school
pro for,........ before..... pro-America
post.............. after........ post-graduate

4. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข (Number) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
tri three tri angular
uni one unify

2. Root or Stem
     ราก ศัพท์ (Root or Stem) เป็นส่วนที่แสดงถึงความหมายพื้นฐานหรือความหมายหลัก          (Basic Meaning) ของคำ เมื่อเติม Prefix หรือ Suffix เข้าไปแล้วก็จะเป็นคำขึ้นมา โดยที่ความหมายของรากศัพท์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนความหมายไป รากศัพท์ (roots) เป็นส่วนที่เป็นฐานของคำและเป็นตัวหลักเพื่อสร้างคำอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และรากศัพท์เป็นส่วนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีก รากศัพท์อาจเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข (Numbers) การวัด (Measurement) การเคลื่อนไหว (Motion) การกระทำ (Action) ความรู้สึก (Senses) คุณภาพ (Quality) กฎหมาย (Law) และสังคม (Social)

ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับจำนวนเลข (Numbers) เช่น
รากศัพท์...................... ความหมาย
semi .......................... one half
mono.......................... one
bi................................. two
cent............................ hundred

รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการวัด (Measurement) เช่น
รากศัพท์.........................ความหมาย
graph / graphy............a device to write or record
meter ...........................a device to measure

รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว (Motion) เช่น
รากศัพท์..........................ความหมาย
vent...............................to come

รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการกระทำ (Action) เช่น
รากศัพท์...........................ความหมาย
stat / stit / sist..............to stand up

รากศัพท์ที่เกี่ยวกับความรู้สึก (Senses) เช่น
รากศัพท์............................ความหมาย
voc / vok........................voice; to call

รากศัพท์ที่เกี่ยวกับคุณภาพ (Quality) เช่น
รากศัพท์............................ความหมาย
clar...................................bright
dur...................................hard; strong
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับกฎหมาย (Law) และสังคม (Social) เช่น
รากศัพท์.............................ความหมาย
ver.....................................true; to prove
civ / cit..............................city; government
cert.....................................to be sure or certain; approve

ตัวอย่างเช่น
1. contort = con (ร่วมกัน, ด้วยกัน) เป็น prefix + tort (บิด) เป็นรากศัพท์
ดังนั้นความหมายของ contort คือ ทำให้คด, งอ, บิด
2. torsion = tors (บิด) เป็นรากศัพท์ + ion (การ,ความ) เป็น suffix
ดังนั้นความหมายของ torsion จึงมีความหมายว่า "การบิด"
3. irremovable = ir (ไม่) เป็น prefix + remove (เคลื่อนย้าย) เป็นรากศัพท์ + able (สามารถ) เป็น suffix
ดังนั้นความหมายของคำ irremovable จึงมีความหมายว่า "เคลื่อนย้ายไม่ได้"
4. circumlocution = circum (รอบๆ)เป็น prefix + locu (พูด) เป็นรากศัพท์ + tion (การ , ความ) เป็น suffix ดังนั้นความหมายของ circumlocution จึงมีความหมายว่า "การพูดจาแบบอ้อค้อม"
5. triarchy = tri (สาม)เป็น prefix + archy (การปกครอง) เป็นรากศัพท์
ดังนั้น triarchy จึงมีความหมายว่า "การปกครองโดยคน 3 คน "

3. ปัจจัย (Suffix)
     ปัจจัย คือส่วนที่เติมหลังรากศัพท์มักจะเปลี่ยนความหมายและหน้าที่ของคำด้วย หรือเป็นส่วนหนึ่งของคำที่อยู่ข้างหลังคำหลัก (Base words) หรือรากศัพท์ (Roots) โดยทั่วไป ปัจจัย (Suffixes) ช่วยชี้แนะชนิดของคำ (Parts of speech) เช่นการเติมปัจจัย -er , -ist , -or หลังคำหลัก และทำให้คำหลัก (Base words) เปลี่ยนชนิดของคำเป็นคำนามประเภทของปัจจัย (Suffixes) สรุปได้ดังนี้
1. ปัจจัยที่ทำให้กริยาเป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนคำหลักเป็นชนิดของคำนาม เช่นปัจจัย..............ตัวอย่างคำ......................ความหมาย
ation..............combine.......................combination
ment..............payment......................payment
er....................paint ........................... painter
al.....................propose........................proposal

2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำนาม เช่น ปัจจัย...............ตัวอย่างคำ.......................ความหมาย
ness................kind...............................kindness
ce....................absent...........................absence
ism..................human..........................humanism

3. ปัจจัยที่ทำให้คำนามเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำนาม แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำศัพท์ เช่น ปัจจัย................ตัวอย่างคำ.......................ความหมาย
ful....................success..........................successful
ish....................selfish............................selfish

4. ปัจจัยที่ทำให้คำกริยาเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำคุณศัพท์ เช่นปัจจัย.................ตัวอย่างคำ......................ความหมาย
ing....................amuse...........................amusing
able..................remark.........................remarkable
ive....................creat.............................creative

แจ้งชื่อ

นางสาวสุนทรี ฐานคร


 รหัส 51110325  คณะพยาบาลศาสตร์